" บางคนบอกว่าเงินไม่ใช่พระเจ้า..แต่ปัญหาทุกอย่างก็แก้ไขด้วยเงิน >> มิใช่หรือ ? "
ดิฉันเป็นอีกคนหนึ่งในโลกใบนี้.....ที่มีความจำเป็นจะต้องหาเงินมาใช้จ่ายภายในครอบครัว อยู่เป็นประจำเสมอมา..หรือเรียกอีกอย่างว่า ดิฉันเกิดมาเพื่อเป็น " ผู้ให้ " หรืออีกตำแหน่งหนึ่งที่หนักหนาสาหัสสำหรับลูกผู้หญิงตัวเล็กๆ ก็คือตำแหน่ง "หัวหน้าครอบครัว " .....อย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และตัวดิฉันเองก็เต็มใจที่ได้รับตำแหน่งนี้ไปจนกว่าชีวิตนี้จะหาไม่
ดิฉันรับราชการมาตั้งแต่อายุยังน้อยคือ 19 ปี รวมอายุราชการก็ 30 ปี เต็ม ดิฉันถึงได้ตัดสินใจลาออกจากราชการตามโครงการเกษียณก่อนกำหนด หรือที่เค้าเรียกกันว่าเออรี่รีไทร์..หน้าที่ราชการเจริญก้าวหน้าเป็นอย่างยิ่ง มีผู้ใต้บังคับบัญชาถึง 300 กว่าคน รับผิดชอบงานสำคัญๆของบ้านเมือง ในท้องถิ่นหลายแห่ง ....คงมีคนสงสัยว่าแล้วทำไม?.... ถึงลาออกทั้งๆที่หน้าที่ราชการกำลังเจริญก้าวหน้าเป็นอย่างมาก....คำตอบของดิฉันคือ : ไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะรับใช้นักการเมืองได้ดีอีกต่อไป
หลังจากที่ดิฉันได้ลาออกจากราชการแล้วก็กลับมาเป็นประชาชนคนธรรมดาๆ เดินดิน และดูเหมือนเช่นเป็นคนตกงานคนหนึ่งเลยทีเดียว แต่ก็ยังโชคดีอยู่บ้างที่มีเงินบำนาญจากทางราชการให้ไว้ดำรงชีวิตครอบครัว อยู่เป็นประจำทุกเดือน....ตามสิทธิ์ ตามระเบียบ กฎหมาย อย่างถูกต้องที่ดิฉันควรจะได้รับ ดิฉันขอพูดอย่างเต็มปาก และด้วยความภาคภูมิใจว่า
" ดิฉันคือข้าราชการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว "
ดิฉันได้รับราชการตั้งแต่อายุยังน้อย..เริ่มต้น ซี 1 เงินเดือนครั้งแรกเพียง 750 บาท ต้องทำงานไปด้วย เรียนเพื่อปรับวุฒิไปด้วยตลอดเวลา ....เนื่องมาจากเป็นครอบครัวที่ยากจน จึงทำให้ต้องกู้เงินสวัสดิการ เงินกู้สหกรณ์ มาใช้จ่ายตลอดเวลา รวมถึงหนี้บัตรเครดิตต่างๆ มากมาย นำมาใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย ไม่เคยนำพากับคำว่า "อยู่อย่างพอเพียง" สนุกไปกับเครดิตที่ทางสถาบันการเงิน ได้เชิญชวนให้ข้าราชการเป็นสมาชิกเป็นอย่างดียิ่ง ตัวเราเองก็สำคัญมีความโลภ อยากได้ อยากมี ไม่ให้เกินหน้าเกินตา โอ้อวดกัน
เหล่านี้จึงเป็นสาเหตุให้นำเงินในอนาคตมาใช้ก่อนและผ่อนกันทีหลัง ....เป็นลูกโซ่ เป็นวงจร หมุนเวียนอยู่เช่นนี้ตลอดเวลา ไม่แตกต่างจากเพื่อนข้าราชการคนอื่นๆมากนัก..และมีน้อยคนที่จะมีเงินเดือนเหลือเพียงพอ ก็โชคดีไป เกือบ 80% ที่อยู่ในวงจรอุบาทนี้
ใครจะตัดใจ หักดิบ ออกจากวงจรนี้ได้ ก็น้อยคนจริงๆ
ถึงออกมาได้เหมือนดิฉัน ก็แทบจะอาเจียรเป็นเลือดเลยทีเดียว เพราะเงินบำนาญรับในแต่ละเดือนแล้ว แทบไม่เหลือใช้จ่าย....เรื่องเก็บออมนั้นไม่ต้องพูดถึง
ดิฉันออกมาจากวงจรนั้น ด้วยอายุยังไม่มากพอที่จะอยู่เฝ้าบ้านเมื่อยามแก่ชรา....ก็ดิ้นรนหาธุรกิจส่วนตัวทำ ทำไปก็เจ๊งไป หลายแห่งทั้งในเมือง หรือนอกเมือง..หนี้ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นๆ ชีวิตกลับลงมาสู่คำว่าศูนย์ 0 สูงสุดสู่สามัญ จริงๆ .....ดิ้นรนจนหมดหนทางจะดิ้นอีกต่อไปก็กลับมาอยู่บ้านเฉยๆ แต่ก็อยู่อย่างสงบไม่ได้ เพราะหนี้สินมันรัดตัว ไปหมด ....เมื่อจิตป่วยไม่สงบก็ไปถามหมอดู ต่างๆ หลายสำนัก ก็หมดเงินค่าครูไปอีก ไม่มีคำตอบอะไรแน่นอนหรอก จะมีก็แต่เทพยดาประจำตัวเท่านั้นบอกว่า " ให้อยู่นิ่งๆ " นี่คือสิ่งที่ทายถูกต้องที่สุด ง่ายที่สุด.... เรารู้ แต่ เราก็ทำยาก หรือทำไม่ได้เพราะจิตใจไม่แข็งพอ
สุดท้ายแล้ว.....เมื่อไม่มีอะไรจะดิ้นรนแล้ว ธรรมชาติมันก็บังคับให้เราอยู่ นิ่งๆ ได้เองนั่นแหละ..........เมื่อถึงเวลาหนึ่ง หลังจากดิฉันดิ้นรนมาเกือบตลอดชีวิต และถึง 5 ปีเต็มๆ หลังออกจากราชการมา จนในวันนี้เหมือนน้ำมันนิ่งใส ไม่ขุ่น จึงสามารถมองเห็นอะไรๆได้ชัดเจนขึ้นมามาก เหมือนเรานั่งดูหนังชีวิตเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว ตอนที่ทำงานเงินก็ไม่พอใช้ คิดหาหนทางจะได้เงินเพิ่ม เพื่อใช้จ่าย ใช้หนี้ มันก็ไม่ได้ ไม่มีหนทางสำเร็จ....
เพื่อนฝูง ญาติสนิทมิตรสหาย พากันไปทำธุรกิจเสริม นั่นดี นู่นดี ก็ทำตามเค้าไป เกือบสิบยี่สิบแห่ง หมดเงินไปก็หลายหมื่นอยู่ ก็เป็นสมาชิกไปอยู่ทั่วเชียวแหละ แต่โอกาสมันเป็นของเราน้อยเกินไป บางคนเค้าก็ได้เงินกันจริงๆนะ....ก็ไม่ได้ว่ากัน ก็ หนึ่งในล้าน หนึ่งในแสนก็ว่ากันไป ....ถูกหลอก ถูกโกง ก็เคย วุ่นวายไปหมดชีวิตนี้ จะว่าอยู่ง่ายก็ง่าย จะว่าอยู่ยากก็ยาก..แต่จะหนักไปทางยากมากกว่า ดิฉันเองก็ไม่หวังร่ำรวยเป็นเศรษฐีหรอกนะ ขอเพียงให้รายได้มันมากกว่ารายจ่ายก็เพียงพอแล้วแหละ อย่างดีก็เหลือเงินเก็บ เงินออมไว้ยามจำเป็นบ้างเหมือนใครเขาก็พอแล้ว
ถึงอยู่บ้านตอนนี้เฉยๆ ก็ยังมีคนเข้ามาชวน...บางคนเอารถมารับไปฟัง ไปอบรม ....ก็ไปๆกับเขาหลายครั้งแต่สรุปสุดท้ายก็คือต้องลงทุน ไม่มาก ก็น้อย ส่วนมากจะมากอยู่นา.....ต้องซื้อของใช้อีก เพิ่มยอด ไอ่ค่าข้าวปลาอาหารก็ต้องซื้อ ต้องกิน แล้วจะเอาเงินเหลือไหนไปซื้อ ไปลงทุนกัน บางทีก็ต้องซื้อตำรากลยุทธ์กันเลยทีเดียว เล่มละหลายเงิน ก็ต้องอ่านกันหลายเล่มด้วยซิ ก็จะได้เงินล้านเหมือนเค้าที่ประสบความสำเร็จ....ดิฉันกลับมามองตัวเองมันไม่เห็นหนทางไปเลย ก็เลยต้องหยุด ก็ทำให้เสียเงิน เสียเวลาไปบ้าง
จะอยู่เฉยๆ นิ่งๆ ที่บ้าน มันก็สบายเกินไปอีกแหละ...ดูซีรี่ย์เกาหลี ยี่สิบสามสิบตอนก็จนหมดแล้ว ไม่รู้จะหาอะไรทำดี....สบายกาย แต่ใจมันไม่สบายนะซิ นะ คนหนอคน ก็พยายามหาความพอดีอยู่ มันต้องมีสักทางซีน่าวันๆให้ได้เงินเพิ่มขึ้นมาได้บ้าง ร้อยสองร้อยก็ยังดี ใช่มั่ย ?................................?
แต่ในที่สุด.... ณ วันนี้ ชีวิตก็มีความสุขขึ้น พอใจกับการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ จากการที่ทุกวันต้องท่องโลกไซเบอร์ เล่นๆ ชิวๆ กลับกลายมาเป็นสร้างธุรกิจเล็กๆขึ้นมา..จากการจัดการรายจ่ายประจำ ให้มาเป็นรายได้....ค่าเติมเงินมือถือ บิลค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าบัตรเครดิต ซื้อ พ.ร.บ.รถยนต์ ฯลฯ อีกร้อยกว่ารายการได้ส่วนลดทัน ก็ประหยัดไป ทั้งค่าการเดินทาง น้ำมันรถ ไปต่อคิวชำระเงิน วุ่นวาย ในแต่ละเดือน ก็ซื้อแฟรนไชส์ระบบ OSO มาทำเอง ง่ายๆ สบายๆ
แล้วยังสามารถรับบริการเติมเงิน ชำระบิล ให้แก่บุคคลอื่นๆได้อีก ....ขยันนำไปโพสในเฟสบุ๊ค บอกต่อเพื่อนฝูง ญาติสนิท มิตรสหาย ก็ได้รายได้เพิ่มขึ้น จากลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ ค่าขยายแฟรนไชส์ มีรายการ คู่มือการใช้ การแนะนำฟรี! มีคนทำได้จริงสูงสุดถึงวันละ 6,800 บาท เลยทีเดียวค่ะ ....แฟรนไชส์ระบบนี้ดีจริงๆตอนที่ดิฉันสมัคร สัปดาห์แรก .....แนะนำใครไปก็เฉยๆ คนที่สนใจก็ไม่มีเงินสมัคร คิดๆแล้วว่าตัวเองคงจะสูญเงินอีกเช่นเคย แต่ก็ได้ตัดใจลองทำอีกสักครั้งเป็นครั้งสุดท้ายถ้ามันไม่ดีจริง ก็ต้องตัดใจหละนะ
ก็คิดว่าจากการที่ดิฉันได้คิดแล้วคิดอีก ตัดสินใจสมัครไปตอนแรกเพียง 1 แฟรนไชส์ 1,200 บาท เท่านั้น ...(บริษัท กู๊ดท็อปอัพ..เค้าให้ตัดสินใจซื้อในตอนแรกครั้งเดียวเท่านั้น ว่าจะซื้อ 1 หรือว่า 3 แฟรนไชส์) จากที่เคยมีประสบการณ์เป็นสมาชิกมาเกือบจะทุกบริษัทเป็นสิบๆปีมาก่อนนี้ เป็นไปไม่ได้สักอย่างก็เลยกลัว สูญเงินอีกเข็ดขยาด
แต่อีกใจหนึ่งก็อยากลอง อยากทำดู....
เพราะเห็นว่าไม่ได้ไปซื้ออะไรเพิ่มอีก จะใช้ก็จากที่เรามีรายจ่ายอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว....ก็เห็นว่าเข้าท่าดี ก็เลยคิดลองทำดู.....พอสัปดาห์ที่สอง .....ที่ว่าระบบเขาวางไว้ดีจริง!..ก็คือ เราท้อ เรางง เราจะถอย....แต่เพื่อนสมาชิกทั้งก่อน และหลังเรา เค้าทำงาน แนะนำ ได้สมาชิกใหม่เพิ่มขึ้น ทุกวันๆ ทำให้ธุรกิจมันเดิน ระบบงานจากโซเชียลเน็ตเวิร์ค มันทำงานตลอดเวลา 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด ไม่มีพัก จึงดีมาก เหมือนระบบมันทำงานอยู่ตลอดเวลาไปด้วยกัน กับเรา ดีจริงๆ เพียงสองสัปดาห์ก็ได้เงินคืนทุนเรียบร้อยแล้วค่ะ ไม่ต้องกลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว มีสมาชิกเพิ่มขึ้นๆ ทุกวันๆ ได้กำลังใจที่จะทำงานกับธุรกิจนี้ต่อไป และมีโครงการขยายธุรกิจเป็นเคาร์เตอร์เซอวิสในเร็วๆนี้ค่ะ